วนอุทยานถ้ำหลวง
เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่
ที่เกิดจากการเซาะของน้ำใต้ดินเป็นเวลานาน จึงทำให้มีความยาวกว่า 7 กิโลเมตร( เชื่อกันว่ามีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย) ปาก ถ้ำเป็นห้องโถนขนาดกว้างเป็นที่อยู่ของค้างคาวขนาดเล็ก ลักษณะภายในถ้ำ
เป็นทางน้ำขนาดกว้าง-แคบสลับกันไปมีหินงอกหินย้อย เกร็ดหินสะท้อนแสงงดงาม ตามธรรมชาติ
เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพจญภัย
ปากถ้ำอยู่ทิศเหนือของตัวดอย สูงกว่าระดับพื้นดินธรรมดาประมาณ
15 ขั้นบันได เป็นถ้ำที่มหินงอกหินย้อยเป็นจำนวนมากที่สุดถ้ำหนึ่งในเชียงราย
การเดินขึ้นไปปากถ้ำสะดวกสบายมาก เพราะไม่สูงและมีปันไดไว้ให้ ปากถ้ำกว้างประมาณ 20
เมตร ลักษณะลาดเอียงลงไปข้างล่าง คือเอียงลงในถ้ำ ภายในไม่ราบเรียบ
เต็มไปด้วยหินงอก หินย้อยตะปุ่มตะป่ำ บางแห่งหินย้อยลงมาจากเพดานข้างบนจนจดพื้นข้างล่าง
เลยกลายเป็นลักษณะเสาค้ำเพดานไว้ก็มี บางแห่งย้อยลงมามีลักษณะคล้ายผ้าม่านที่มนุษย์ทำขั้น
บางแห่งเวลาส่องดูด้วยไฟฟ้าเดินทางจะปรากฏมีแสงระยิบระยับสวยงามมาก บางคนจินตนาการไปต่าง
ๆ นานา เช่น เป็นห้องโถงท้องพระโรงบ้าง ห้องนั่งเล่นบ้าง
แม้กระทั่งจินตนาการเป็นรูปคน สัตว์ก็มี หลายแห่งมีน้ำหยดลงมาจากผนังถ้ำด้านบน บางแห่งหยดลงมานานจนกลายเป็นแอ่งน้ำเล็ก
ๆ สามารถตักดื่มได้ จึงจินตนาการไปกลายเป็นบ่อน้ำทิพย์ บ่อน้ำมนต์ฤาษีบ้าง
ว่ากันไปไม่รู้จบ บ้างก็เล่าลือกันไปว่าถ้ำนี้สามารทะลุไปออกถ้ำเชียงดาวจังหวัดเชียงใหม่โน่น
ทีเดียว ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ภายในถ้ำมีลักษณะเป็นตะปุ่มระป่ำไม่เรียบถ้าเรียบก็สามารถบรรจุคนจำนวน
ร้อยได้ บางแห่งกว้างราวกับหอประชุมขนาดใหญ่ มีโพรงอากาศที่ทะลุจากเพดานถ้ำด้านบนให้แสงสว่างลงมาถึงก้นถ้ำสามแห่ง
เชื่อกันว่าไม่มีใครสามารถเดินเข้าถ้ำนี้จนสุดได้ทุกซอกทุกมุมได้ เพราะว่ามีหลายหลืบ
หลายชั้นมากมายเหลือเกิน บางตอนจะต้องเดินลัดน้ำที่ลึกประมาณ 1 ศอกก็มี แต่บางแห่งก็เป็นเพียงมีน้ำซึมเท่านั้น พื้นถ้ำส่วนมากลื่นอาจจะหกล้มได้ง่าย
บางแห่งเป็นหุบเหวยอยู่ภายในถ้ำก้มี ทั้งนี้เนื่องจากความใหญ่โตของมันนั่นเอง
เมื่อ ปี
2534 มีนักทัศนาจรชาวฝรั่งสองคน ได้มาเที่ยวที่ถ้ำหลวงแห่งนี้และพากันเข้าไปในถ้ำ
คนภายนอกถ้ำสังเกตุว่าทั้งคู่ไม่ออกมากที จึงแจ้งตำรวจและช่วยกันค้นหา กว่าจะพบและพาออกมาได้ก็เสียเวลาไปสามวันในสภาพที่ดิดโรยเต็มที
จากนั้นจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนมาตั้งอยู่ที่ปากถ้ำเพื่อให้คำแนะ นำช่วยเหลือดังกว่าวมาแล้ว
นอกจากถ้ำดังกล่าว
แล้วถายในวนอุทยานฯ ยังมีถ้ำที่น่าสนใจ อยู่ภายในบริเวณเดียวกัน
ซึ่งมีความงามแตกต่างกันออกไป ดังนี้
1.ถ้ำพระ เป็นถ้ำขนาดเล็กมีความสงบร่มเย็น
ชาวบ้านได้สร้างพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ เพื่อเป็นที่สักการะบูชาภายในถ้ำมีหินงอก
หินย้อย ที่งดงามแปลกตา อากาศบริเวณปากถ้ำเย็นสบายตลอดทั้งปี
2.ถ้ำเลียงผา เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน จึงทำให้เกิดลักษณะที่เป็นเวิ้งมีหุบเหวล้อมรอบกว้างประมาณ 60-80 เมตร สูงมากกว่า 30 เมตร บริเวณถ้ำยังพบฟอสซิลหอยฝาเดียวและหอยสองฝาโบราณอายุหลายร้อยล้านปี ในอดียเลี้ยงผาบนภูเขาจะลงมากินน้ำที่เกิดจากพายุฝนไหลลงมาขังในถ้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อ "ถ้ำเลียงผา"
3.ถ้ำมัลติเทวี หรือ ถ้ำพญานาค เป็นถ้ำขนาดเล็ก อยู่ใต้ผาบนภูเขา กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระอริยบุคคล และได้มรณภาพในถ้ำนี้ จุดเด่นของถ้ำนี้คือ มีหินงอกขนาดใหญ่ คล้ายงูแผ่แม่เบี้ย
2.ถ้ำเลียงผา เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน จึงทำให้เกิดลักษณะที่เป็นเวิ้งมีหุบเหวล้อมรอบกว้างประมาณ 60-80 เมตร สูงมากกว่า 30 เมตร บริเวณถ้ำยังพบฟอสซิลหอยฝาเดียวและหอยสองฝาโบราณอายุหลายร้อยล้านปี ในอดียเลี้ยงผาบนภูเขาจะลงมากินน้ำที่เกิดจากพายุฝนไหลลงมาขังในถ้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อ "ถ้ำเลียงผา"
3.ถ้ำมัลติเทวี หรือ ถ้ำพญานาค เป็นถ้ำขนาดเล็ก อยู่ใต้ผาบนภูเขา กล่าวกันว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระอริยบุคคล และได้มรณภาพในถ้ำนี้ จุดเด่นของถ้ำนี้คือ มีหินงอกขนาดใหญ่ คล้ายงูแผ่แม่เบี้ย
สูงประมาณ ๒.๕ เมตร อยู่บริเวณปากถ้ำ
ซึ่งถ้ำเหล่านี้อยู่ห่างจากอำเภอแม่สายเพียง 5 กิโลเมตร และแยกจากทางหลวงหมายเลข
110 เข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร
นับว่าไม่ไกลมากนัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น